Wednesday, August 18, 2004

ครบรอบวันแต่งงานปีที่ 2

เจนีวา 18.08.2004

เราฉลองวันครบรอบงานแต่งงานปีที่ 2 คนละขั้วโลก เธออยู่อาฟริกา ฉันอยู่ยุโรป เธอมาจากยุโรป ฉันมาจากเอเชีย ถ้าเป็นเมือ 10 ปีก่อน ฉันคงจะนั่งกังวลกับช่องว่างของความต่างกันในหลายๆเรือง เช่น ว่าภาษา วัฒนธรรม อายุ เชื้อชาติ ความชอบ หรือแม้แต่ครอบครัวของฉันและของเธอ แต่มาถึงวันนี้แล้ว ฉันไม่กังวลกับสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป

เราใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันนานพอ นานจนฉันคิดว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาคงแต่งงานจนมีลูกได้ไม่ต่ำกว่า 2 คนแล้ว จนหัวหน้าผู้ชายชาวเยอรมันของฉันมีเมียไทยเป็นคนที่ 2 แล้วหัวหน้าผู้หญิงชาวอเมริกันหย่าสามีแล้วเรียบร้อย เมียเพื่อนร่วมงานท้องแล้ว 3 คน จนท้องใหม่อีกรอบ ฉันกับเธอก็ยังอยู่ด้วยกัน บางวันเราก็ถามกันว่า ทำไมเรายังไม่รู้สึกเบือหน้ากันสักที มันล่วงมาเป็น 10 ปีแล้วนะ ทำไมเรายังรู้สึกเหมือนเราเจอกันปีแรก ก็ทำไมจะไม่สดชื่นเหมือนเดิมหละ ขนาดวันครบรอบแต่งงานของเรา เธอยังไม่อยู่กับฉันเลย แล้วเราจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งเบื่อกันหละ

ฉันนั่งทำงานเงียบๆ ไม่ได้บอกให้เพื่อนที่ทำงานรู้ว่า วันนี้เป็นวันพิเศษของฉัน วันที่ฉันเข้าพิธีแต่งงานที่ชะอำ งานที่มีเพื่อนนานาชาติมาร่วมงานเกือบร้อยคน งานแต่งวันนี้ที่เมืองไทยไม่ได้มีสิทธิทางกฏหมายใดๆ แต่เป็นงานที่มี ความหมาย มากที่สุดทางใจของฉัน

เธอกลับมาจากแทนซาเนียอีกหลายวันต่อมา เธอล้วงเอากล่องสีขาวเล็กๆ มายื่นใส่มือฉัน แล้วบอกว่าเป็น ของขวัญวันครบรอบแต่งงานปีที่ 2 ฉันก็แสนจะดีใจ นึกว่าถ้าจะได้เพชรเม็ดเป็นกะรัต น้ำงาม เพราะประเทศแทนซาเนียเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรืองเพชรน้ำงามนี่นา ผิดคาดอีกตามเคย ฉันน่าจะรู้แล้วว่าสามีฉันเธอไม่เคยทำอะไรให้มันง่ายๆ มันตั้งแต่เรารู้จักกันแล้วนี่นา หินในกล่องสีขาว มันเป็นสีน้ำเงินอ่อน เม็ดเล็กๆ รูปหยดน้ำ ฉันคิดว่าเป็นเหมือนพลอยแซฟไฟล์จากพม่าที่เธอเคยให้ฉันเมือ 7 ปีที่แล้ว แต่เธอบอกว่ามันคือ แทนซาไนซ์ จากประเทศแทนซาเนีย เฮ้อ ฟังแล้ว เหมือนของปลอมเลย แต่เอาเถอะ อุตสาห์ไปเดินหาซื้อมาให้ฉันแล้วนี้ ทำสีหน้าชื่นชมให้เห็นดีกว่า จะได้ไม่เสียน้ำใจ

พอเสร็จจากชื่นชมเสร็จ ตามประสาของฉัน ถามต่ออีก อ้าว แล้วจะเอาไปทำอะไรหละ มันเป็นแค่เม็ดพลอยเอง เธอบอกเดียวเอาไปให้ร้านจิลเวลลี่แถว ซังค์กาแลนด์ ทำให้ วุ้ย จะได้โดนฝรั่งสวิสฟันราคาเอานะสิ จะคุ้มกับค่าพลอยที่โดนพี่หมึกแทนซาเนียฟันมาหรือปล่าว ฉันก็บอกว่าเดียวรอกลับเมืองไทยก่อน แล้วค่อยเอาไปทำ เธอก็แย้งว่างั้นต้องรอนานนะสิ อย่างนี้กว่าเธอจะได้ใส่พลอยเม็ดนี้ สงสัยปีหน้าโน้น เพราะเราไม่กลับเมืองไทยปี 2004 เราจะกลับอีกทีปลายปี 2005 เธอเลยออกไอเดียว่า เดียวเอาไปให้แม่ของเธอ มิสซิส เมอร์น่า โจนส์ พาไปทำที่ร้านประจำที่อังกฤษ ได้ไอเดียมาว่าจะทำแบบ เคลติก (Celtic) ตามแบบพวก เวลซ์ (Wales) โบราณ ทำให้ฉันนึกถึงเครืองประดับของนางเอกในหนังเรือง ลอร์ดออฟเดอะลิงค์ คงจะสวยเหมือนกันนะ เอาเถอะ ไม่ได้ให้ฝรั่งสวิสฟัน ก็ให้ฝรั่งอังกฤษฟันก็แล้วกัน


รูปงานแต่งงานของฉันกับจูลล์ เรือนไม้ศาลาไทย โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ เพชรบุรี 18.08.2002

0 Comments:

Post a Comment

<< Home