Thursday, September 30, 2004

Zalmai ในเจนีวา

เมือวันที่ 29 กันยายน 2004 ฉันได้มีโอกาสไปงานนิทรรศการรูปถ่าย ที่เจนีวา ของ Zalmai - ซาลไม ช่างกล้องชาวสวิส ที่ทีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมจากอัฟกานิสถาน ในงานก็มีทูตถาวรยูเอ็นจากอัฟกานิสถาน หญิงเหล็กผู้ช่วยท่านไฮคอมมิชชั่นเนอร์ชาวอเมริกัน และ ใครก็ไม่รู้อีกคน.

ฉันไปดูนิทรรศการรูปของซาลไมกับโมซุมิ - Mousumi เพือนสาวชาวอินเดีย อันที่จริงเธอเป็นภรรยาของเพื่อนร่วมงานที่น่ารักของฉัน เซียร์ - Zia แต่ตอนนี้เธอกลายมาเป็นเพือนของฉัน เพราะเรามาอยู่ที่สวิสด้วยสถานภาพเดียวกัน คือ ตามติดสามี.

ในคืนนั้น ซาลไม ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพราะซาลไมไปเป็นผู้สังเกตการ์ณการเลือกตั้งที่อัฟกานิสถาน แต่คุณพ่อของซาลไมมาร่วมงานแทนลูกชาย ฉันโชคดีได้ยืนอยู่ข้างหลังคุณพ่อของศิลปินดังชาวสวิสเชือสายอัฟกันคนนี้ พ่อยังดูดี แล้วลูกชายจะหน้าตาเป็นยังไงหนอ.

รูปของซาลไม อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจหญิงสาวช่างฝันมากนัก เพราะว่ารูปถ่ายส่วนใหญ่ของซาลไม จะเป็นแบบแนวความเป็นจริงของโลก ซาลไมถ่ายทอดออกมาในแนวที่ดูรันทดต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ที่เกิดมาในประเทศอัฟกานิสถาน รูปที่ซาลไมถ่ายทอดออกมามันไม่สวย แต่ฉันเห็นว่ามันคือความจริง.

ชมผลงานของซาลไมพร้อมกับฉันได้ที่นี่ http://zalmai.com/

ฉัน และ Mousumi ถ่ายรูปกับคุณพ่อของซาลไมในงานนิทรรศการรูปถ่ายของซาลไมที่ตึก UN

Thursday, September 23, 2004

JJ ลาออกจาก SKAT - St Gallen

ข้อความข้างล่างเป็นการลาออกของ Julian กับ SKAT ที่ St Gallen - ซังค์กาแลนด์ และการรับงานใหม่กับ ICRC - Geneva เราอาจจะไปไหนสักแห่งหนึ่งในอาฟริกา อาจจะเป็น Kenya - เคนย่า อาจจะเป็น Ivory Coast - ไอวอรี่โคสต์ อาจจะเป็น Sudan - ซูดาน เราจะยังไม่รู้อะไรจนกว่าจะถึงวันจันทร์ที่จูเลียนจะมาเซ็นสัญญากับที่ใหม่

เรารู้ว่า ตอนนี้ ชีวิตเริ่มการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เราเริ่มรู้สึกเบือการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ เราอยากอยู่กับที่ สร้างครอบครัว และ มีเพื่อนบ้านแบบยาวนาน เราเบือการเดินทาง การเริ่มต้นปรับตัวใหม่ แต่งบ้านใหม่ พบเพื่อนใหม่ แต่เราไม่สามารถทำได้ที่ซังค์กัลล์ เพราะจูลล์ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเมืองได้ เราคิดว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนรักเธอ พร้อมที่จะช่วยเหลือเธอ แต่คนที่ไม่ชอบปรับตัวเข้ากับพวกคนคือตัวเธอเองทั้งนั้น ตัวเราเองก็เริ่มมีเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มที่น่ารัก ไม่ว่าจะเป็น Viktoria, Irene, Anne Marie และ Nur ร่วมทั้งเพื่อนคนไทยทั่วสวิส ทั้ง นู๋เกต นู๋แจง ตู่ บิลลี่ น้องหญิง บ้านวงศ์ชมพู - เจนีวา ฟาร์มที่ Huettlingen กับ Wittenbach เรามีเพือนเยอะ เราเริ่มจะหาอะไรๆทำในสวิสได้แล้ว แม้ว่ามันจะช้าๆไปนิด เราจะต้องทิ้งเพื่อนและความเป็นอยู่เหล่านี้ไปอีกแล้วเหรอ

เราไม่ชอบชีวิตของการเป็นแม่บ้าน เป็นคุณนาย มีคนคอยทำนั่นทำนี้ให้ เราไม่อยากเข้ากลุ่มสมาคมแม่บ้าน เข้าหาสถานทูต เราทำได้แต่เราไม่ชอบชีวิตแบบนั้น เราจะทำอะไรดีที่อาฟริกาหละ ทำไมชีวิตเราจะต้องมีแต่ประโยคคำถามอยู่ตลอด

รู้แล้ว สิ่งแรกที่ฉันจะทำเมือไปถึงอะบิจัน คือการเรียนภาษาฝรั่งเศส คงแปลกนะ เรียนภาษาฝรั่งเศส ที่อาฟริกา ฉันคงจะเป็นคนไทย ที่พูดฝรั่งเศส สำเนียงไทย ไวยากรณ์อาฟริกัน คิดดูสิว่าจะมีกี่คนบนโลกที่มี profile แบบวนาลีคนนี้บ้าง

จูลล์บอกว่า เธอก็เริ่มเขียนหนังสือสิ เรือง A Thai Woman Lost in Africa ขอบใจยะสามีที่รัก ที่ช่วยแนะนำให้ฉันรู้จักใช้เวลาในอาฟริกา แต่นั่นเป็นงานที่ฉันจะเอาไว้ทำตอนฉันแก่ แค่ฉันนั่งเขียนนั่งบ่นทุกวันนี้ก็แย่พอทน ฉันจะออกไปทำงานที่คอมมูนกับชาวอาฟริกันย่ะ ฉันรู้ว่าฉันจะทำอะไรได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งแค่เขียนหนังสือ แต่ฉันจะออกไปหาข้อมูลดิบมาลงบันทึกในหัวสมองอันน้อยๆของฉันเอง

ฉันกับเพื่อนๆที่เรามักจะนัดเจอกันบ่อยๆที่ห้องรับแขกของฉัน
Viktoria, Irene, AnneMaria, Nur&her daugthers

Crown Prince Haakon and Crown Princess Mette-Marit of Norway

วันนี้ฉันได้ไปเฝ้า (เรียกว่า ไปดู จะถูกกว่า) เจ้าชายกับเจ้าหญิงของนอรเวย์ที่ UNHCR ตึกใหญ่มา ท่านก็น่ารักทั้งคู่เลย เจ้าหญิงยืนให้เราถ่ายรูปด้วย แต่กล้องเจ้ากรรมของฉัน ด้วยความเกรงใจ ฉันก็ไม่ได้เปิดแฟลช ก็เลยได้รูปมัวๆ มา ทั้งสองพระองค์มีพระวรกายสูงใหญ่ พระพักตร์สวยงามกันทั้งคู่ ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้คนรอเฝ้า แบบเป็นกันเอง บอดี้การ์ดก็มีไม่เยอะมาก สัก 4-5 คน แค่นั้น

คนฝรั่งเขาจะไม่ตระเตรียมอะไรกันเนิ่นนานแบบคนเอเชีย ก่อนที่ท่านจะเสด็จ แค่ 10 นาทีเขาก็เอาพรมแดงมาปู คนก็ออกมายืนยักไหล่รอดู น่าเกลียดกันจังเลยฝรั่งนี่นา

ฉันได้ฉายพระรูปของเจ้าชายเจ้าหญิงมาหลายรูป มีหลายคนมองฉันแบบอิจฉานิดๆที่เขาไม่ได้เตรียมกล้องถ่ายรูปมา ช่วยไม่ได้เพราะฉันพกกล้องติดกระเป๋าตลอดเวลา ไม่ใช่อะไรจ๊ะ ไม่อยากทิ้งไว้ที่บ้าน กลัวโขมยเข้าบ้านแล้วได้กล้องฉันไป เจ้าหญิงก็น่ารัก เธอมาหยุดยืนให้ฉันได้ถ่ายรูปเธอแบบชัดๆด้วย แต่ฉันอยากจะตีตัวเองจริงๆ ที่เกรงใจจนไม่กล้าใช้แฟลช เลยทำให้รูปที่ออกมามัว รูปเจ้าชายสุดหล่อ ไม่ชัดเลยสักรูป เห็นท่านเพียงลางๆ เอาเถอะ บันทึกลงในความทรงจำที่รอยหยักเส้นที่แสนเก้าบนหัวของฉันแทนก็แล้วกัน

จดหมายข่าวเชิญชวนเจ้าหน้าที่ยูเอ็นไปรับเสด็จ

Date: 22 September 2004
To: All Staff at HQ
From: Anne Willem Bijleveld, Director, Division of External Relations

Subject: Visit of the Crown Prince and Crown Princess of Norway - Thursday, 23 September at 10h30

Their Royal Highnesses Crown Prince Haakon and Crown Princess Mette-Marit of Norway will be paying an official visit to UNHCR on Thursday, 23 September, starting at 10h30. The royal couple will begin by paying a courtesy call to the High Commissioner. Afterwards, and in line with their keen interest in operational issues, they will meet with staff from the Bureau, ESS, DOS and the NGO Liaison Unit. The visit will end at 11h45.

This trip of the royal couple to Geneva is in fact a wedding present offered to them by five large humanitarian NGOs in Norway (Norwegian Refugee Council, Red Cross, Norwegian Peoples Aid, Kirkens Nodhjelp (Norwegian Church Aid) and Save the Children) , in order to better acquaint them with the humanitarian work being done there by the UN, Red Cross, and NGO actors.

The Prince and Princess are already familiar with and experienced in international humanitarian issues. The Prince knows the UN from his time at the Norwegian delegation in New York, his development studies at Berkeley, and a diplomat course at the MFA. The Princess interned at NORAD, and has taken human rights courses in London. Both have demonstrated an interest in refugee issues.

Staff members who wish to, are invited to applaud the couple as they walk down the red carpet in the UNHCR atrium. They should assemble in the atrium or on the landings by 10h25.

Anne Willem Bijleveld
Director, Divison of External Relations



ฉันถ่ายรูปของเจ้าชายและเจ้าหญิงจากนอรเวย์